วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

กลอนสุภาพ (กลอนแปด)

สื่อการสอน เรื่อง กลอนสุภาพ (กลอนแปด)




กลอนสุภาพ

         กลอนสุภาพเป็นกลอนประเภทหนึ่ง ซึ่งลักษณะคำประพันธ์ของภาษาไทย ที่เรียบเรียงเข้าเป็นคณะ ใช้ถ้อยคำและทำนองเรียบๆ ซึ่งนับได้ว่ากลอนสุภาพเป็นกลอนหลักของกลอนทั้งหมด เพราะเป็นพื้นฐานของกลอนหลายชนิด หากเข้าใจกลอนสุภาพ ก็สามารถเข้าใจกลอนอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น คำประพันธ์ ที่ต่อท้ายว่า สุภาพนับว่าเป็นคำประพันธ์ที่แสดงลักษณะเป็นไทยแท้ ด้วยมีข้อบังคับในเรื่องรูปวรรณยุกต์ในกลอนสุภาพนอกจากมีบังคับเสียงสระเป็นแบบแผนเช่นกลอนปกติแล้ว ยังบังคับรูปวรรณยุกต์เพิ่ม จึงมีข้อจำกัดทั้งรูปและเสียงวรรณยุกต์ เป็นการแสดงไหวพริบปฏิภาณและความแตกฉานในการใช้ภาษาไทยของผู้แต่งให้เด่นชัดยิ่งขึ้น คำประพันธ์กลอนสุภาพนิยมเล่นกันมากตั้งแต่สมัยอยุธยา จวบจนถึงปัจจุบัน ในต้นรัตนโกสินทร์นั้นงานกลอนสุภาพเด่นชัดในรัชกาลที่ ๒ ซึ่งเฟื่องฟูถึงขนาดมีการแข่งขันต่อกลอนสด กลอนกระทู้ ตลอดรัชสมัยมีผลงานออกมามากมาย เช่น กลอนโขน กลอนนิทาน กลอนละคร กลอนตำราวัดโพธิ์ เป็นต้น บทพระราชนิพนธ์เรื่อง เงาะป่า ก็เกิดขึ้นในยุคนี้ ยังมีกวีท่านอื่นที่มีชื่อเสียง เช่น สุนทรภู่ เป็นต้น และในสมัยรัชกาลที่ ๖ ก็มีปราชญ์กวีทางกลอนสุภาพที่สำคัญหลายท่านเช่นกัน

กลอนแปด
กลอนแปด เป็นคำประพันธ์อีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมกันทั่วไป เพราะเป็นร้อยกรองชนิดที่มีความเรียบเรียงง่ายต่อการสื่อความหมาย และสามารถสื่อได้อย่างไพเราะ ซึ่งกลอนแปดมีการกำหนดพยางค์และสัมผัส มีหลายชนิดแต่ที่นิยมคือ กลอนสุภาพ

ลักษณะคำประพันธ์
๑.  บท บทหนึ่งมี ๔ วรรค
วรรคที่หนึ่งเรียกวรรคสดับ      วรรคที่สองเรียกวรรครับ          
วรรคที่สามเรียกวรรครอง       วรรคที่สี่เรียกวรรคส่ง
แต่ละวรรคมีแปดคำ จึงเรียกว่า กลอนแปด
๒.  เสียงคำ กลอนทุกประเภทจะกำหนดเสียงคำท้ายวรรคเป็นสำคัญ กำหนดได้ ดังนี้
          คำท้ายวรรคสดับ
กำหนดให้ใช้ได้ทุกเสียง
          คำท้ายวรรครับ
กำหนดห้ามใช้เสียงสามัญกับตรี
          คำท้ายวรรครอง
กำหนดให้ใช้เฉพาะเสียงสามัญกับตรี
          คำท้ายวรรคส่ง
กำหนดให้ใช้เฉพาะเสียงสามัญกับตรี
๓. สัมผัส          
ก. สัมผัสนอก หรือสัมผัสระหว่างวรรค อันเป็นสัมผัสบังคับ มีดังนี้    
คำสุดท้ายของวรรคที่หนึ่ง (วรรคสดับ) สัมผัสกับคำที่สามหรือที่ห้า ของวรรคที่สอง (วรรครับ)คำสุดท้ายของวรรคที่สอง (วรรครับ) สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่สาม (วรรครอง) และคำที่สามหรือที่ห้าของวรรคที่สี่ (วรรคส่ง)
สัมผัสระหว่างบท ของกลอนแปด คือคำสุดท้ายของวรรคที่สี่ (วรรคส่ง) เป็นคำที่ส่งสัมผัสบังคับให้บทต่อไปต้องรับสัมผัสที่คำสุดท้ายของวรรคที่สอง (วรรครับ)
ข.   สัมผัสใน ในแต่ละวรรคของกลอนแปด แบ่งช่วงจังหวะออกเป็นสามช่วง ดังนี้          
หนึ่งสองสาม หนึ่งสอง หนึ่งสองสาม
ฉะนั้นสัมผัสในจึงกำหนดได้ตามช่วงจังหวะในแต่ละวรรคนั่นเอง ดังตัวอย่าง
อันกลอนแปด – แปด คำ – ประจำวรรควางเป็นหลัก – อัก ษร – สุนทรศรี


ตัวอย่างกลอนแปด
เรื่องกานท์กลอนอ่อนด้อยค่อยค่อยหัด
แม้นอึดอัดขัดใจอย่าไปเลี่ยง 
  ทีละวรรคถักถ้อยนำร้อยเรียง   
แม้ไม่เคียงเยี่ยงเขาจะเศร้าไย 

วางเค้าโครงโยงคำค่อยนำเขียน      
เฝ้าพากเพียรเจียรจารนำขานไข      
จะถูกนิดผิดบ้างช่างปะไร     
เขียนด้วยใจใฝ่รักอักษรา     
แม้ไม่เก่งเพลงกลอนยังอ่อนด้อย    
แต่ใจรักถักถ้อยร้อยภาษา  
แม้ถ้อยคำนำเขียนไม่เนียนตา          
อย่าโมโหโกรธาต่อว่ากัน
ทุกทุกวรรคถัก-ร่ายหมายสืบสาน   
ทุกอักษรกลอนกานท์บนลานฝัน    
อาบคุณค่าช้านานแห่งวารวัน   
เป็นของขวัญค่าล้นเพื่อชนไทย     


 นิราศภูเขาทอง

             ครั้นรุ่งเช้าเข้าเป็นวันอุโบสถ      เจริญรสธรรมาบูชาฉลอง
ไปเจดีย์ที่ชื่อภูเขาทอง                 ดูสูงล่องลอยฟ้านภาลัย
     อยู่กลางทุ่งรุ่งโรจน์สันโดษเด่น   เป็นที่เล่นนาวาคงคาใส
ที่พื้นลานฐานบัทม์ถัดบันได           คงคงลัยล้อมรอบเป็นขอบคัน
     มีเจดีย์วิหารเป็นลานวัด               ในจังหวัดวงแขวงกำแพงกั้น
ที่องค์ก่อย่อเหลี่ยมสลับกัน            เป็นสามชั้นเชิงชานตระหง่านงาม
     บันไดมีสี่ด้านสำราญรื่น             ต่างชมชื่นชวนกันขึ้นชั้นสาม
ประทักษิณจินตนาพยายาม              ได้เสร็จสามรอบคำนับอภิวันท์
     มีห้องถ้ำสำหรับจุดเทียนถวาย      ด้วยพระพายพัดเวียนอยู่เหียนหัน
เป็นลมทักขิณาวัฏน่าอัศจรรย์         แต่ทุกวันนี้ชราหนักหนานัก
     ทั้งองค์ฐานราญร้าวถึงเก้าแสก    เผลอแยกยอดสุดก็หลุดหัก
โอ้เจดีย์ที่สร้างยังร้างรัก                    เสียดายนักนึกน่าน้ำตากระเด็น
     กระนี้หรือชื่อเสียงเกียรติยศ         จะมิหมดล่วงหน้าทันตาเห็น
เป็นผู้ดีมีมากแล้วยากเย็น              คิดก็เป็นอนิจจังเสียทั้งนั้นฯ






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น